การใช้ยาแก้ปวดและยาคลายกล้ามเนื้ออย่างถูกต้อง-

sanook

ทุกวันนี้เรามักใช้ยาแก้ปวดและยาคลายกล้ามเนื้อกันบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเมื่อเราปวดหัว ปวดฟัน หรือเจ็บจากแผล ยาแก้ปวดกลายเป็นยาที่ต้องมีติดบ้านไว้อยู่เสมอ ในขณะที่ยาคลายกล้ามเนื้อก็เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เพื่อบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดแขน ปวดขา และลดความเมื่อยล้าจากการทำงานหรือออกกำลังกาย

ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ได้ให้คำแนะนำในการเลือกใช้ยาแก้ปวดและยาคลายกล้ามเนื้อให้ถูกต้อง ดังนี้

### การเลือกใช้ยาแก้ปวดให้ถูกประเภท

เวลาที่เราจะใช้ยาแก้ปวด ควรคำนึงถึงประเด็นที่สำคัญต่อไปนี้คือ ต้องรู้ว่าโรคของเราเกิดจากอะไร ส่วนใหญ่อาการปวดที่พบบ่อยคืออาการปวดจากกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น ซึ่งสามารถซื้อยาได้จากร้านขายยาโดยไม่ต้องไปพบแพทย์ ถ้ามีอาการกล้ามเนื้อตึงตัวผิดปกติ ยาที่ใช้ควรจะเป็นยาคลายกล้ามเนื้อ แต่ถ้าปวดโดยไม่มีกล้ามเนื้อตึงตัวผิดปกติก็ควรจะใช้ยาแก้ปวด นอกจากนี้ ถ้าอาการปวดมีการอักเสบ เช่นข้ออักเสบ ยาที่ใช้ก็จะมีความแรงเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง

ยาที่ใช้ทั่วไปคืออาเซตฟิโนเฟ่นหรือพาราเซตามอล หากอาการปวดมีการอักเสบร่วมด้วย เช่นข้ออักเสบหรือเอ็นอักเสบ จะใช้ยากลุ่มยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์แทน

### วิธีใช้ยาแก้ปวดให้ปลอดภัยต่อร่างกาย

ควรรับประทานยาในปริมาณและเวลาที่ถูกต้อง ยาพาราเซตามอลควรใช้ 1 เม็ดหรือ 500 มิลลิกรัมต่อครั้งเท่านั้น ไม่ควรใช้ 2 เม็ดทุก 6 ชั่วโมงเนื่องจากอาจมีผลข้างเคียงต่อตับ ยาพาราเซตามอลมีข้อดีคือปลอดภัย และหาซื้อได้ง่าย เหมาะสำหรับอาการปวดที่ไม่รุนแรง

ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์มีความแรงขึ้นมาอีกระดับและมีหลายชนิด ขนาดการใช้ขึ้นอยู่กับแต่ละชนิดและมีผลข้างเคียงมากกว่ายาพาราเซตามอล เช่นทำให้กระเพาะอาหารระคายเคือง เลือดออกในกระเพาะอาหาร ไตวาย และหลอดเลือดอุดตัน ในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยง ดังนั้นควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีโรคร่วมหรือสูงอายุ เพื่อให้แพทย์สามารถป้องกันผลข้างเคียงหรือตัดสินใจเปลี่ยนไปใช้ยากลุ่มอื่นที่ปลอดภัยกว่า

เมื่ออาการหรือภาวะดังกล่าวหายหรือทุเลาลง ควรหยุดยา เนื่องจากหากใช้เป็นระยะเวลานาน จะเพิ่มอัตราการเกิดผลข้างเคียงสูงขึ้น

ขยายข้อความเต็ม